อนาคตที่ต้องดับวูบ - อนาคตที่ต้องดับวูบ นิยาย อนาคตที่ต้องดับวูบ : Dek-D.com - Writer

    อนาคตที่ต้องดับวูบ

    วินัย ..เป็นคนเงียบๆ ไม่เป็นพิษเป็นภับใคร การเรียนของเขาไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ต้องมาเจอกับอาจารย์ที่ไร้คุณธรรม กลั่นแกล้งเขาสารพัด จนผมเหลืออดที่เขารังแกลูกศิษย์ในความดูแลของผม

    ผู้เข้าชมรวม

    71

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    71

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ก.ค. 67 / 14:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                อนาคตที่ต้องดับลง

         ณ. เวลานั้น สถานศึกษาของที่นี่ ได้ถูกยกระดับขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่งคือจากวิทยาลัยมาเป็นสถาบัน และสุดท้ายคือมาเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ช่วงหนึ่งที่สถาบันได้เปิดกว้างให้นักศึกษาได้มีโอกาสได้เลือกเรียนในสาขาที่ตนรัก ที่ตนถนัดสาขาเศรษฐศาสตร์และธุรกิจเกษตรจึงเป็นทางเลือกใหม่. ให้นักศึกษามาเลือกเรียน และในรุ่นแรกที่เปิดสอน มีนักศึกษา ที่เรียน 20 คน  ในรุ่นนี้ มีนักศึกษาที่ประสบความสำเร็จที่เป็นข้าราชการในระดับสูงหลายคนคือธวัธชัย อดีตนายกสโมสรนักศึกษาที่ผมคอยแนะนะ คอยสอนให้ทั้งในและนอกชั้นเรียน  ทั้งยังสนับสนุนส่งเสริมให้เขา ได้เป็นนักบาสเกตบอลของทีมสถาบัน   อีกคนคิอ มนัญญาซึ่งเป็นนักศึกษาที่เลือกเรียนในสาขาเศรษฐศาสตร์ฯ และเธอก็ได้ไปต่อยอด เรียนในระดับปริญญาตรีอีกสองปีที่แม่โจ้ และเริ่มเข้าทำงานในอัตรานักวิชาการในกระทรวงการคลัง จนตำแหน่งล่าสุดเป็นคลังจังหวัดในภาคเหนือหลายจังหวัด

     ในเวลานั้นนอกจากผมจะสอนหนังสือ ยังได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่รับผิดชอบในการส่งเสริม-สนับสนุนให้เยาวชน ได้รู้จักกับการทำกิจกรรม การรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การรู้จักเสียสละเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม  รุ่นแรก ของการเปิดสอนเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจเกษตร มีนักศึกษาที่จะต้องพบกับอุปสรรคกับอาจารย์ผู้สอนที่เป็นหัวหน้าคณะวิชา ที่มีจิตใจต่ำทราม ที่มักจะมีเจตนากลั่นแกล้งลูกศิษย์ อาทิสอนเร็วจนนักศึกษาตามไม่ทัน จนจับประเด็นเนื้อหาไม่ถูก เนื่องจากเป็นวิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ เวลาเข้าสอบจึงทำไม่ได้ จึงส่งผลให้นักศึกษาส่วนใหญ่ ได้คะแนนที่ไม่ดี และในแต่ละเทอมจะมีนักศึกษาติด F เกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และได้เกรด A ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์  นี่อาจคงเป็นเพราะเขามีปมด้อยส่วนตนก็ได้  กรรมจึงต้องมาตกกับนักศึกษาที่มาเข้าเรียนวิชาของเขา และผมกับเขาก็ต้องมาเป็นคู่กัด ตลอดชีวิตราชการ  

        มีหลายครั้ง ผมกับอาจารย์มงคลต้องมีวิวาทะ และครั้งหนึ่ง ผมอดทนกับพฤติกรรมของเขา ที่กลั่นแกล้งกับลูกศิษย์ชื่อวินัยซึ่งเป็นนักศึกษาที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน

      “คุณเป็นครู หรือเป็นคนร้ายกันแน่ นี่ผมเห็นคุณทำกับลูกศิษย์ มาไม่รู้กี่ร้อยคนแล้ว  อย่างนี่นี้เองคุณจึงถูกลูกศิษย์ดับไฟในงานเลี้ยงสังสรรค์รุมทำร้ายเอา”

     “คุณก็ไม่ต้องมายุ่ง เรื่องของผม ที่จะทำอะไรก็ได้ ” อาจารย์มงคล พูด

     “คุณนัด ให้นายวินัยมาพบ ตอนหลังเลิกเข้าแถวเคารพธงชาติ แต่เมื่อเขามาพบคุณ คุณก็กลับนิ่งเฉย ไม่แยแสใส่ใจทั้งๆ ที่คุณเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิชาปัญหาพิเศษ ”ผมพูด

        เขานิ่ง แล้วเดินผละจากที่นั่งประจำ มันช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชกับลูกศิษย์ ที่ผมเห็นเขาได้รับความทุกข์ กับการกลั่นแกล้งของอมนุษย์ที่อยู่ในเครื่องแบบครู  วินัยต้องนั่งรอเขา ที่เดินไปสอนหนังสือหน้าตาเฉย เวลานั้นผมได้แต่เห็นใจลูกศิษย์ที่พูดอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากวิชาปัญหาพิเศษเป็นวิชาบังคับของสาขา นักศึกษาที่อยู่ในความดูแลของเขาทุกคน ต้องเจ็บปวดและเครียดถึงกับหลายคนร้องไห้ แต่ละรุ่นๆที่กว่าจบได้ และบางคน-บางกลุ่มก็จะต้องมาเรียนใหม่ในเทอมต่อไป

      “เขานัดวินัย ให้มาพบใช่ หรือไม่ ”ผมถาม ลูกศิษย์

     “ใช่ครับ  แต่พอผมมานั่งรอ เขาก็ทำเฉย เวลาผมเข้าไปหา อาจารย์มงคล..ก็ถามผมว่า มาทำไม?? ใครนัดให้มา” วินัยพูด

     “ผมทราบถึงสันดาน คนๆนี้ดี  รุ่นพี่ของพวกคุณ ก็เจอมาไม่รู้ กี่สิบกี่ร้อยคนมาแล้ว ”ผมพูด

     “เช้านี้ ผมต้องเข้าเรียนด้วย แต่กลัวว่าเวลาเขาย้อนกลับมาที่ห้องไม่เจอผม เขาก็จะุด่า ว่านัดแล้วทำไมไม่มา พาลจะหักคะแนนผมอีก  ”

         จริงๆเรื่องนี้ ผมเคยสอบถามนักศึกษาส่วนใหญ่ ที่อยู่ในความดูแลของอาจารย์มงคล ส่วนใหญ่ให้คำตอบว่า เขามักจะเตะถ่วง กลั่นแกล้งลูกศิษย์ เว้นแต่ลูกศิษย์สาวๆที่หน้าตาสวยๆ เขาจะเอาอกเอาใจทั้งเอาใจใส่  ช่วยเหลือแก้ไขแนะนำอย่างเต็มที่ทั้งยังเปิดโอกาสให้เข้าพบได้ตลอดเวลา ดังนั้นงานปัญหาพิเศษที่นักศึกษาชายที่อยู่ในกลุ่มกับเพื่อนหญิงที่สวย จึงรอดพ้นไม่ถูกดุด่า เตะถ่วงให้งานล่าช้าและยากลำบาก  กรณีของนายวินัย ซึ่งผมทั้งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาและคนอื่นๆอีกสามสิบเอ็ดคน จำต้องลงเรียนวิชาปัญหาพิเศษ และต้องมีนักศึกษาที่จะต้องได้อาจารย์มงคลเป็นอาจารย์ท่ี่ปรึกษาในวิชานี้   วินัย ทำปัญหาพิเศษคนเดียว เป็นเพราะบุคลิกของเขาที่เพื่อนๆไม่สามารถรู้และเข้าใจได้  เนื่องจากเขาเป็นคนเงียบขรึม จริงจัง จึงอ่านใจยาก  เว้นแต่ผมเท่านั้น.. ที่จะเข้าใจและเข้าถึงจิตใจลูกศิษย์คนนี้  

                                                  **************************

         วินัย เด็กหนุ่ม ผอมขาว ความสูงประมาณ 170  เซนติเมตรไว้ผมสั้นเกรียน แต่งกายเรียบร้อย น้อยครั้งที่จะเห็นเขายิ้มออกมา มันเป็นเรื่องยากที่ใครๆ จะเข้าใจเด็กหนุ่มคนนี้  ในฐานะที่ผมเป็นที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาโดยตรง เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตการเป็นนักเรียน นักศึกษามาก่อน ย่อมเข้าใจถึงบทบาทของอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาของลูกศิษย์ หากนักศึกษาในกลุ่มหรือห้องนั้นๆได้อาจารย์ที่ปรึกษาดี พวกเขาย่อมจะมีความสุข มีความสบายใจ ไร้ความกังวล  แต่หากนักศึกษากลุ่มใด ได้อาจารย์ที่ปรึกษาที่ปล่อยปะละเลยนักศึกษาในความดูแล  นั่นย่อมเป็นกรรมของพวกเขา อย่างน่าสงสาร

        ครั้งที่นักศึกษายังน้อย ทางสถาบันฯ ได้จัดให้ในแต่ละห้อง ต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาสองคนต่อห้อง  เริ่มแรกที่ผมมาบรรจุเป็นอาจารย์ ผมได้มาเป็นที่ปรึกษาคู่กับอาจารย์สดใสเราสองคน ต้องดูแลนักศึกษากลุ่มนี้ตลอดสามปี แรกๆที่เรามาเป็นที่ปรึกษาด้วยกัน เธอก็จะมาช่วยดูแล ครั้นผ่านไปเพียงหนึ่งเทอมหน้าที่ทั้งหลายก็ตกมาเป็นภาระของผมคนเดียว 

          ช่วงที่นักศึกษาหญิง ในการดูแลของผมถูกฆ่าปิดปาก ผมจะต้องมาที่โรงพยาบาล เพื่อไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตคือใคร??  เป็นเพราะผมอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ และมีความสนิทสนมกันมากนั่นเอง

    “อาจารย์ขลุ่ย รบกวน ..รีบแต่งตัวไปกับรองสารวัตร เพื่อไปที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเช้านี้เลย”ผู้ช่วยผู้อำนวยการพูด  

        ณ. เวลานั้นผมกับเพื่อนที่พักด้วยกันกำลังนั่งจิบกาแฟ และดูข่าวจากสถานีกองทัพบกช่อง 5 

    “ใครเป็นไร?? หรือครับพี่”  ผมถาม

    “จากหลักฐานที่พบ ทราบแค่เพียงว่าฝ่ายชายคือนายสุธี ส่วนฝ่ายหญิงในตัวไม่พบเอกสารในตัว จึงอยากให้อาจารย์ขลุ่ยไปดูเพื่อยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิต” ผู้ช่วยผู้อำนวยการพูด

          หลังจากที่ผมเปลี่ยนชุดแล้ว จึงนั่งรถไปกับผู้ช่วยผู้อำนวยการ โดยมีรถตำรวจนำหน้าเพื่อพาไปยังห้องเก็บศพ เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว รองสารวัตรจึงพาผมกับผู้ช่วยผู้อำนวยการไปยังห้องดับจิต

       “ผมยืนยันว่า คนที่เสียชีวิต เป็นลูกศิษย์ของผม เธอชื่อ ละอองดาว เป็นคนจากจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังเรียนอยู่ช้นปวส. 2 ” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

      “แน่ใจ..ได้อย่างไร ”  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถาม

      “ยิ่งกว่าแน่ใจเสียอีก เธอมาช่วยงานผม ทุกๆเย็น เพื่อไปขายสินค้าในเมืองโดยรถยนต์ และหากเวลาที่จังหวัดมีออกงานร้านค้า ผมจะดึงตัวเธอกับเพื่อนๆไปช่วยขายของด้วย ” ผมพูด

      “ขอให้ดู ให้รอบคอบและละเอียดสักนิด จะได้บันทึกยืนยันในการออกใบมรณบัตรให้” เจ้าหน้าที่ตำรวจ พูด

      “แน่ใจ..แค่ไหน  ” ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ที่ไปโรงพยาบาลร่วมกับผม สอบถามอีกครั้ง

      “ล้านเปอร์เซ็นต์ เลยครับ  ”

         นี่คือบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด  ตลอดสามปี .ผมได้ดูแล เอาใจใส่ลูกศิษย์ เสมือนว่าผมเป็นพ่อแม่ของเขา ทั้งๆที่อายุของลูกศิษย์กับผมห่างกันเพียง 8 ปี

                                               *********************************

        หลังจากนักศึกษาที่อยู่ในความดูแลรุ่นแรก สำเร็จการศึกษาไปเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีนักศึกษาทีี่หลงเหลือที่ยังปัญหาอีกสองคนคือสมชายกับกิตติ ที่ถูกอาจารย์ปวีณากลั่นแกล้ง ทำให้เขาต้องมาเสียเวลาและอนาคตไป

      “ผมติด F ได้อย่างไรครับ ??  ทั้งๆที่งานผม ก็ส่งให้อาจารย์ ครบถ้วนแล้ว ”สมชายพูด

      “ไม่มี.. เธอไม่ได้ส่ง เกรดออกมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้  ” อาจารย์ปวีณา พูดโดยไม่สนใจอะไร

      “อาจารย์..ทำอย่างนี้ได้ไง ผมมีพยานคือเพื่อนที่ไปส่งงานให้อาจารย์ ที่ห้องธุรการพร้อมกับผม วันนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ยืนคุยกับอาจารย์อยู่เลย”

    “อาจารย์ไม่รับรู้ รับทราบ เมื่อไม่เห็นสมุดของเธอ ก็ไม่มึคะแนนให้ก็แค่นั้น” อาจารย์ปวีณาพูด

    “ผมไปสอบเรียนต่อที่แม่โจ้ ได้แล้ว  แล้วนี่เท่ากับว่า..ผมหมดโอกาสจะได้เรียนต่อ ”

    “ไม่รู้แหละ เทอมหน้า เธอต้องมาเรียนใหม่ก็เท่านั้น”

      เมื่อเธอพูดจบ ..สมชาย ต้องปล่อยโฮออกมา พราะนี่คิอการทำลายลูกศิษย์ของตนอย่างเลือดเย็น  เพื่อนที่ไปด้วยกันต้องคอยปลอบใจ และพากันมาหาผม เพื่อหาทางช่วยเหลือ  ผมพยายามขอร้องอาจารย์ปวีณาและช่วยกันไปค้นหาสมุดงานที่สมชายส่งที่ห้องพักครู ก็ค้นเจอในกองสมุดที่อาจารย์ปวีณาวางสุมไว้ จึงไม่ได้ตรวจสมุดของสมชาย

     “นี่ไงครับ..สมุดของผม อาจารย์ไม่ตรวจให้ผมเอง นี่จึงทำให้ผม ไม่มีคะแนน”สมชายพูด

    “มันผ่านไปแล้ว ช่วยอะไรไม่ดได้ ”อาจารย์ปวีณา พูดเชิดอย่างโอหัง

         ผมอดรนทนไม่ไหวที่เธอทำกับลูกศิษย์ที่อยู่ในความดูแลของผม

    “นี่ถ้าพี่เป็น..ผู้ชาย ผมจะต่อยปากพี่จริงๆด้วย  คุณเป็นครูที่เลวมาก ”ผมพูดพลาง สะกิดให้สมชายผละจากห้องที่อาจารย์ปวีณาพัก พลางปลอบใจศิษย์

      “ยัยคนนี้ มันสันดานแบบนี้แหละ ขอให้ผลกรรม เกิดแก่ลูกหลานมันด้วย เอาเป็นว่าเขาไม่ช่วยเรา ทางเดียวคือต้องอดทนและต้องมาเรียนใหม่ในเทอมหน้า” ผมพูด

    หลังจากเปิดเทอมใหม่ เมื่อสมชายมาลงทะเบียนเรียน เธออะลุ้มอล่วยโดยบอกกับสมชายไม่ต้องมาเรียนก็ได้แต่เธอ จะออกเกรดให้  สมชายจึงไปๆมาๆระหว่างเชียงใหม่กับลำปาง เขาต้องพักค้างอาศัยกับเพื่อนที่เรียนที่แม่โจ้  และเมื่อสิ้นเทอมสมชายก็ได้เกรด C และจากนั้นเขาก็หายเงียบไป โดยผมไม่ทราบข่าวอีกเลย

                                           ********************** 

           วันที่วินัยถูกอาจารย์มงคล มีเจตนากลั่นแกล้ง ผมเห็นมาโดยตลอด นี่จึงทำให้ผมเหลืออด เหลือทน เป็นสิบๆครั้งแล้วที่ผมเห็นพฤติกรรมของเขา แต่ได้พยายามอดกลั้นและพยายามให้กำลังใจลูกศิษย์ พร้อมให้เขาพยายามอดทนให้ถึงที่สุดเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเขาเอง 

    "ผมเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว นะครับอาจารยฺ์  วินัยพูด ใบหน้าเขาอิดโรยเ พราะไม่ได้หลับไม่ได้นอน เนื่องจากเครียดกับการแก้ไขงานซึ่งต้องแก้แล้วแก้อีก แก้แล้วแก้อีก แต่อาจารย์มงคล.. ก็ยังไม่พึงพอใจ ผมเคยขอให้วินัยเอางาน (ปัญหาพิเศษ)มาให้ผมลองอ่านเพื่อตรวจทาน หากคนเป็นครูที่มีคุณธรรม เขาจะต้องช่วยชี้แนะและยอมยืดหยุ่นเสียบ้าง  เพราะวิชานี้เป็นเพียงการเรียนแค่ระดับ ปวส เท่านั้น 

    “ใจเย็นไว้ วินัย เดี๋ยวสักวัน หากผมอดใจไม่ไหว  ผมจะจัดการไอ้อาจารย์์ ระยำคนนี้..เอง”  ผมพูด

      การที่ผมไม่ยอมให้วินัยใช้กิริยา และพฤติกรรมก้าวร้าวกับอาจารย์มงคลเพราะย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเขา เนื่อง จากคนออกเกรดคืออาจารย์มงคลซึ่งที่เป็นที่ปรึกษาในวิชาเรียน    ฃผมเคยเห็นวินัยเข้าชั้นเรียนด้วยอาการเศร้าซึมบ่อยๆเขาแทบไม่มีสมาธิในการเรียนเลยสักนิด ดูๆแล้ว เขาน่าสงสารมาก เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้ว หากวิชาปัญหาพิเศษผ่านไปได้ เขาต้องจบการศึกษาอย่างแน่นอน  ที่ผ่านมาวินัยไม่เคยมีปัญหาในด้านการเรียนเลย เกรดเฉลี่ยของเขาได้เกรดเกือบ 3  เพื่อนๆส่วนใหญ่ต่างทำงานจนใกล้เสร็จแล้ว คงเหลือแต่วินัยเพียงคนเดียวที่ยังทำงานชิ้นนี้ได้เพียง10 เปอร์เซ็นต์ผมเคยเอางานที่วินัยทำมาช่วยปรับแต่งให้ดี แต่ครั้นพอวินัยเอางานดังกล่าว ไปให้อาจารย์มงคลตรวจ เขาก็บอกว่ายังไม่ให้ผ่าน

        ผมเริ่มหมั่นเขี้ยวหัวหน้าคณะวิชาของผมเอง ในใจคิดว่าอีกไม่นานนัก ผมกับเขาจะต้องเกิดเรื่องถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือสั่งสอนกันเสียบ้าง และก็เกิดเรื่องจริงๆ  เพราะเขาแกล้งวินัย ตั้งแต่เช้าจนใกล้เที่ยงวัน  

      “วินัย  นั่งรออาจารย์มงคลเหรอ  ผมเห็นเขาออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆอาจารย์ แล้วนี่” ผมพูด

     “ครับ ..ผมก็เห็น สักครู่นี้ เขาก็เจอผมแล้ว ทั้งๆที่่เขานัดกับผมไว้ แต่กลับทำเฉยๆ  ผมจะไปกินข้าวกลางวัน ก็ไม่กล้าไปกิน กลัวเขากลับมาแล้วไม่เจอผม ก็จะด่าว่าไม่มีความความรับผิดชอบ ผมก็เลยต้องนั่งรออย่างนี้ ”วินัยพูด

     “ไปๆ ไปกินข้าว ที่โรงอาหาร เดี๋ยวถ้าเขาว่า เขาดุวินัย ต้องเจอดีกันกับผม” ผมพูด

     “อย่าดีกว่าครับอาจารย์ เดี๋ยวผมจะเป็นต้นเหตุ ให้อาจารย์ต้องมาทะเลาะกัน”

    “วันนี้ ผมต้องเอาเรื่องกับมันให้ถึงที่สุด  คนเลวอย่างนี้ จะเอาไว้ทำไม ??” ผมพูดทั้งแสดงความโกรธแทนลูกศิษย์

                                                    *****************

       วินัย ยังคงนั่งรอที่ระเบียงหน้าห้องพักครู  หลังจากอาจารย์มงคลเข้ามาที่ห้อง เขาก็ยังเห็นวินัยนั่งรอ  ผมยืนมองอาจารย์ที่ใต้ตันพิกุล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องพักของเขา  

      “อาจารย์ครับ ผมจะเอางานมาให้อาจารย์ อ่านตรวจทานและชี้แนะครับ” วินัยพูดอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร 

      “ผมจะไปสอนแล้ว รอก่อน วันหน้า ค่อยมาพบ”

    “อาจารย์นัดพบ ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ให้ผมรอเป็นสิบๆครั้ง ก็ไม่ยอมให้เข้าพบ ”

    “ไป ไป อย่ามากวนใจ”

       ขณะที่เขากำลังจะเดินไปสอน ผมเห็นและได้ยินคนทั้งสองอย่างชัดเจน อารมณ์ของผมพุ่งพรวด จนอดไม่ไหว รีบเดินขวางเขาทันที

    “ผมไม่เข้าใจว่า จิตใจของพี่ทำด้วยอะไร??  ช่างเลวที่สุด ตั้งแต่พบเคยเห็นมา” ผมพูด

    “ไม่ต้องมายุ่ง เรื่องของผมกับวินัยเท่านั้น”

    “ผมต้องยุ่ง เพราะวินัย อยู่ในความดูแลของผม วันนี้ คุณกับผมต้องเคลียร์ให้ชัด ว่าจะเอาไง/??”

      ผมพูดพลางเดินไปจับคอเสิ้อ ของอาจารย์มงคล พร้อมเงื้อกำปั้นจะอัดเข้าที่ปลายคางของเขา 

    “อย่าค่ะ อาจารย์.. ขลุ่ย ”เจ้าหน้าที่การเงิน ร้องห้าม ผมหยุดชะงัก พลางเรียกสติคืน จังหวะเดียวกันผู้อำนวยการ เห็นผมกับอาจารย์มงคลกำลังยืนประจันหน้า ที่คอเสื้อของเขามีรอยยับจากมือของผม

      “ขอเชิญทั้งสองคน ไปพบผมที่ห้องข้างบน ด้วยครับ   ”

      หลังจากเราสองคน เข้าไปพบผู้อำนวยการ  ไม่ทันไร เขาก็ฟ้องว่า ผมจะเข้าทำร้าย ผู้อำนวยการได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองฝ่ายแล้วจึงตัดบทว่า

      “จากนี้ไปปัญหาพิเศษ ของเด็กคนนี้ ผมจะเข้ามาดูแลเอง ”ผู้อำนวยการพูด

       แต่ด้วยผู้อำนวยการต้องไปราชการบ่อยๆ จึงทำให้เขาไม่สามารถจะให้คำปรึกษางานได้ตลอด จึงทำให้วินัยเกิดความท้อแท้ จึงได้พาผู้ปกครองมาขอลาออกจากสถานศึกษา นี่จึงนับว่าน่าเสียดายอนาคตของเขา . ที่เหลือเพียงวิชาเดียวก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว เกือบสองปีที่วินัยเรียนจึงสูญเปล่า  หมดเงินเพื่อจ่ายค่าหอพัก ค่าลงทะเบียนเรียน  ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดเกือบสองปี  วินัยจึงมีวุฒิเท่าที่เคยมี คือ ม.6 

                    เพราะใครเล่า??  ที่ทำให้นักศึกษาหลายๆคนต้องลาออก ต้องหมดอนาคต 

                                   ถามว่า .......นี่ใช่คนเป็นครู ที่เป็นแม่พิมพ์ ของชาติหรือไม่

         แปลก??? ที่อาจารย์มงคล อาจารย์ปวีณา ผู้ซึ่งคอยแต่..จะทำลายอนาคตศิษย์ กับอยู่ดี มีสุข         

                                           ทั้งยัง..เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน

                                      จะนาน แค่ไหน ผมก็ไม่มีวันลืม  เหตุการณ์นี้

                                                      ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                                 ( ๔ กรกฎาคม   ๒๕๖๗ )

                             

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×